วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 9

วัน พุธ ที่ 24 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2561
เวลา (08:30 - 12:30)

ความรู้ที่ได้ในวันนี้

พัฒนาการ ความหมาย ความสามารถของเด็กที่ได้แสดงออกเป็นพฤติกรรมของช่วงวัยอายุ

หลักการคิด
1.เรื่องที่ใกล้ตัวเด็ก และเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมของเด็กประสบการณ์สำคัญรอบตัวเด็ก ที่เด็กจะเชื่อมโยงได้
2.เรื่องที่เป็นมันมีผลกระทบ เช่น อาหารดีมีประโยชน์ สุขภาพร่างกาย เรื่องที่เกี่ยวกับรถตู้ จะช่วยเหลือยังไง

สาระ
1.เลือกให้เหมาะสมกับพัฒนาการ เพราะเด็กสามารถทำได้ และเหมาะสม
2.ออกแบบการจัดกิจกรรม
หลักการคิด สอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ เลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง วิธีการเรียนรู้ของเด็กหรือที่เรียกว่า "การเล่น" ความหมายให้ความสำคัญ สำคัญของการทำงานของสมอง

**ขั้นอนุรักษ์ เด็กตอบตามตาเห็น (ของที่จับต้องได้) สิ่งของที่เป็นรูปธรรม
***ผ่านขั้นอนุรักษ์ เด็กตอบด้วยเหตุผล (นามธรรม)

สอนเด็กมี 2 ส่วน 
1.เนื้อหา
2.ประสบการณ์ , ศึกษาวิทยาศาสตร์

การใช้คำถาม คือ เทคนิค

**สิ่งที่ครูถามเพื่อต้องการให้เด็กตั้งสมมติฐาน สมมติฐาน คือ การคาดเดา การคาดคะเน ซึ่งเรายังไม่รู้

วิธีการทางวิทยาศาสตร์
ขั้นที่ 1. การสังเกต รวมทั้งการบันทึกข้อมูล 

ขั้นที่ 2. การตั้งสมมติฐาน 
ขั้นที่ 3. การทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐาน 
ขั้นที่ 4. การสรุปผล 


 รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท., 2546) ประกอบด้วยขั้นตอนที่สำคัญดังนี้
1)ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) เป็นการนำเข้าสู่บทเรียนหรือเรื่องที่สนใจซึ่งเกิดขึ้นจากความสงสัย หรืออาจเริ่มจากความสนใจของตัวนักเรียนเองหรือเกิดจากการอภิปรายภายในกลุ่ม เรื่องที่น่าสนใจอาจมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในช่วงเวลานั้น หรือเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่เพิ่งเรียนรู้มาแล้วเป็นตัวกระตุ้นให้นักเรียนสร้างคำถามกำหนดประเด็นที่ศึกษา ในกรณีที่ไม่มีประเด็นใดที่น่าสนใจครูอาจให้ศึกษาจากสื่อต่างๆหรือเป็นผู้กระตุ้นด้วยการเสนอด้วยประเด็นขึ้นมาก่อน แต่ไม่ควรบังคับให้นักเรียนยอมรับประเด็นหรือคำถามที่ครูกำลังสนใจเป็นเรื่องที่จะใช้ศึกษา
          เมื่อมีคำถามที่น่าสนใจ และนักเรียนส่วนใหญ่ยอมรับให้เป็น
ที่ต้องการศึกษา จึงร่วมกันกำหนดขอบเขตและแจกแจงรายละเอียด
ของเรื่องที่จะศึกษาให้มีความชัดเจนมากขึ้น อาจรวมทั้งการรับรู้
ประสบการณ์เดิม หรือความรู้จากแหล่งต่าง ๆ ที่จะช่วยให้นำไปสู่
ความเข้าใจเรื่องหรือประเด็นที่จะศึกษามากขึ้น และมีแนวทางที่ใช้ในการสำรวจตรวจสอบอย่างหลากหลาย
2)ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) เมื่อทำความเข้าใจในประเด็นหรือคำถามที่สนใจจะศึกษาอย่างถ่องแท้แล้ว ก็มีการวางแผนกำหนดแนวทางสำหรับการตรวจสอบตั้งสมมติฐาน กำหนดทางเลือกที่เป็นไปได้ ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อสนเทศ หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ วิธีการตรวจสอบอาจทำได้หลายวิธี เช่นทำการทดลอง ทำกิจกรรมภาคสนาม การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยสร้างสถานการณ์จำลอง (Simulation) การศึกษาหาข้อมูลจากเอกสารอ้างอิงหรือจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลอย่างเพียงพอที่จะใช้ในขั้นต่อไป
3)ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) เมื่อได้ข้อมูลอย่างเพียงพอจากการสำรวจตรวจสอบแล้ว จึงนำข้อมูลข้อสนเทศที่ได้มิเคราะห์ แปลผล สรุปผลและนำเสนอผลที่ได้ในรูปต่าง ๆ เช่น บรรยายสรุป สร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ หรือรูปวาด สร้างตาราง ฯลฯ  การค้นพบในขั้นนี้อาจเป็นไปได้หลายทาง เช่น สนับสนุนสมติฐานที่ตั้งไว้ โต้แย้งกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ หรือไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ได้กำหนดไว้ แต่ผลที่ได้จะอยู่ในรูปใดก็สามารถสร้างความรู้และช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้
4)ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) เป็นการนำความรู้ที่สร้างขึ้นไปเชื่อมโยงกับความรู้เดิมหรือความคิดที่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติมหรือนำแบบจำลองหรือข้อสรุปที่ได้ไปใช้อธิบายสถานการณ์หรือเหตุการณ์อื่น ๆ ถ้าใช้อธิบายเรื่องต่าง ๆ ได้มากก็แสดงว่าข้อจำกัดน้อย ซึ่งจะช่วยให้เชื่อมโยงกับเรื่องต่าง ๆ และทำให้เกิดความรู้กว้างขวางขึ้น
  5)ขั้นประเมิน (Evaluation) เป็นการประเมินการเรียนรู้ด้วยกระบวนการต่าง ๆ ว่านักเรียนมีความรู้อะไรบ้าง อย่างไร และมากน้อยเพียงใด จากขั้นนี้จะนำไปสู่การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในเรื่องอื่น ๆการนำความรู้หรือแบบจำลองไปใช้อธิบายหรือประยุกต์ใช้กับเหตุการณ์หรือเรื่องอื่น ๆ จะนำไปสู่ข้อโต้แย้งหรือข้อจำกัดซึ่งจะก่อให้เกิดประเด็นหรือคำถาม หรือปัญหาที่จะต้องสำรวจตรวจสอบต่อไป ทำให้เกิดเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ จึงเรียกว่า Inquiry cycle กระบวนการสืบเสาะหาความรู้จึงช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ทั้งเนื้อหาหลักและหลักการ ทฤษฎี ตลอดจนลงมือปฏิบัติ เพื่อให้ได้ความรู้ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการเรียนต่อไป

ต่อไปเป็นนำเสนอคลิปวิดิโอที่เพื่อนไปอัดมานำเสนอโดยนำเนื้อหามาจาก บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย

คนแรก คือดิฉัน นำเสนอ ชื่อกิจกรรมว่า "ลูกข่างหลากสี"               ปัญหา/สมมติฐาน
          1.ถ้าเราหมุนลูกข่างแล้วจะเกิดสีอะไรขึ้นได้บ้าง


 ขั้นตอนการทำกิจกรรม

         1.นำกระดาษที่ออกแบบติดซีดี
         2.ตกแต่งระบายสีบนแผ่นวงกลมให้สวยงามตามจินตนาการ
        3.ทดลองเล่น และให้เด็กๆสังเกตสีที่อยู่บนแผ่นวงกลมว่าเห็นสีอะไรบ้าง



 สรุปผลการทดลอง

        ตาของเรามองเห็นสีต่างๆ เนื่องจากเซลล์รับสีในตาของเราที่ไหวต่อแสง สี 3 สีหลัก ได้แก่ แดง น้ำเงิน และเขียว เมื่อถูกกระตุ้น ถ้ามีหลากหลายสีเคลื่อนไหว และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตาของเราจะไม่สามารถแยกสีต่างๆได้ทัน จึงเห็นสีต่างๆ ผสมสีต่างๆ ผสมเป็นสีเดียว

เรื่อง ปริมาณน้ำในแก้วเท่ากันหรือไม่


เรื่อง  เรื่อแรงลม


เรื่อง  เครื่องชั่งน้ำหนักจากไม้แขวนเสื้อ

ประเมิน
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์อาจารย์จะคอยสอดแทรกเนื้อหาเข้าไปให้ครบ อาจารย์จะไม่ปล่อย อาจารย์จะไม่นิ่งเฉย ถ้าอันไหนเราทำดีแล้วอาจารย์ก็ชื่นชม แล้วอาจารย์จะย้ำเสมอเรื่องการสอน สอนแบบไหน เริ่มอย่างไรให้ถูกวิธี

 

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 8
วัน พุธ ที่ 17 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2561
เวลา (08:30 - 12:30)

อาจารย์ได้ให้ความรู้

ความรู้ของเด็ก คือ เกิดการเรียนรู้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

ประสบการณ์สำคัญของเด็ก
1.เด็กได้สังเกต
2.เด็กได้อธิบาย

จัดประสบการณ์ให้กับเด็ก
1.เด็กมีส่วนร่วม
2.การเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมของเด็กและประสบการณ์สำคัญรอบตัวเด็ก

  วันนี้อาจารย์ให้นักศึกษาได้จัดทำโครงการที่เกี่ยวกับการทดลองวิทยาศาสตร์ เพื่อนำไปจัดกิจกรรมให้เด็กๆ ได้ฝึกการสอนวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยของนักศึกษา โดยให้แต่ละกลุ่มเลือกกิจกรรมมากลุ่มละ 1 กิจกรรมแล้วร่วมกันช่วยกันคิด สืบค้นหาข้อมูล โดยให้เลือกกิจกรรมที่คิดว่าที่สุด เสร็จแล้วให้ออกมานำเสนออาจารย์ และให้เพื่อนฟัง 


บรรยายกาศที่ช่วยกันระดมความคิด

                                                               

หลังจากที่ระดมความคิดเสร็จแล้วก็ได้ออกมานำเสนออาจารย์ ทั้งหมดจะมี 4 กลุ่มดังต่อไปนี้

 
 
 
 
  
กลุ่มงานดิฉัน
หลักการในการเขียนโครงการ  ดังนี้

1.ชื่อโครงการ
2.หลักการและเหตุผล
3.เวลาและสถานที่ /งบประมาณ
4.ตาราางการทำกิจกรรมต่างๆ
5.วิธีการประเมินผล
6.การแบ่งหน้าที่

กลุ่มที่จะทำการทดลองต้องมีรายละเอียด  ดังนี้

1. ตั้งชื่อกิจกรรม (ดึงดูดความสน , น่าสนใจ)
2.วัตถุประสงค์ (เด็กต้องมีส่วนร่วมมากที่สุด 
การเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมของเด็กและสำคัญที่อยู่รอบตัวเด็ก)
3.วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง
4.ขั้นตอนการทดลองกิจกรรมวิทยาศาสตร์
5.ผลที่เด็กๆจะได้รับ


ประเมิน
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์สอนได้สนุกมากค่ะ เวลาที่เพื่อนออกไปนำเสนอ ถ้าอันไหมดูแล้วขัดๆ อาจารย์จะคอยสอดแทรกเนื้อหาเข้าไปให้ครบ อาจารย์จะไม่ปล่อย อาจารย์จะไม่นิ่งเฉย ถ้าอันไหนเราทำดีแล้วอาจารย์ก็ชื่นชม แล้วอาจารย์จะย้ำเสมอเรื่องการสอน สอนแบบไหน เริ่มอย่างไรให้ถูกวิธี

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 7
วัน พุธ ที่ 10 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2561
เวลา (08:30 - 12:30)



     ก่อนที่ได้เริ่มเรียนอาจารย์ได้เปิดคลิปวีดีโอ "การทดลองฟองสบู่"  ให้ดู เพื่อให้นักศึกษาได้รับความรู้ในเรื่อง  แรงตึงผิวของน้ำ หรือปรากฏการณ์แคปปิราลี่  เกิดจากการที่น้ำมีโมเลกุลที่ยึดติดกันจึงทำให้เกิดแรงตึงผิว    

อาจารย์ได้ทวบทวนความรู้เดิม : ขั้นตอนการทดลอง (ขั้นตอนการทำงานเป็นระบบ)
วิธีการทำ : เด็กเห็นอะไรบนโต๊ะ / เราเอามาทำอะไรได้บ้าง / ประเด็นปัญหา / สิ่งที่อยากรู้ / สมมติฐาน

การตั้งสมมติฐาน : (เด็กๆ อยากรู้ มันจะเกิดอะไรขึ้น) , (เด็กๆ อยากรู้ , เด็กๆ คิดว่า) เป็นต้น 


การนำเสนอบ้านนักวิทยาศาสตร์ของเพื่อนๆ


 เรื่อง ฟองสบู่

ปัญหา/สมมติฐาน 

         เมื่อเรานำน้ำกับน้ำยาล้างจานมาผสมกันจะเกิดอะไรขึ้น

ขั้นตอนการทำกิจกรรม
          1.เทน้ำใส่กะละมัง  1/4  ของขวดน้ำ และผสมน้ำยาล้างจาน  5 ช้อน คนให้เข้ากัน
          2.ดัดลวดเป็นรูปทรงต่างๆ 
          3.นำลวดที่ดัดเป็นรูปทรงต่างๆ พันกับลวดกำมะหยี่
          4.นำลวดรูปทรงที่ตัด มาจุ่มน้ำในกะละมัง แล้วยกขึ้นมาเป่าเบาๆ

สรุปผลการทดลอง
           เมื่อเราได้ผสมน้ำกับน้ำยาล้างจานแล้วเป่ามันจะเกิดฟองขึ้นมา  เนื่องจากในน้ำยาล้างจานมีพื้นผิวที่ลื่นจึงทำให้เกิดฟองขึ้นมา



เรื่อง ลูกโป่งพองโต

ปัญหา/สมมติฐาน 

          เมื่อเรานำเบคกิ้งโซดากับน้ำส้มสายชูมาผสมกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น

ขั้นตอนการทำกิจกรรม
           1.นำเบคกิ้งโซดาใส่ในลูกโป่ง
           2.นำน้ำส้มสายชูใส่ในขวดน้ำครึ่งขวด
           3.นำลูกโป่งมาสวมเข้ากับขวดน้ำ



เรื่อง  ภาพซ้ำไปมา

ปัญหา/สมมติฐาน 

             1.รูปภาพที่เหมือนจะสามารถต่อกันได้หรือไม่

ขั้นตอนการทำกิจกรรมการทดลอง
             1.วาดรูปนก ระบายสีแล้วตัดออกมาเป็นภาพนก
             2.นำรูปนกมาเรียงต่อกัน แล้วสังเกตรายละเอียด



เรื่อง ระฆังดำน้ำ


ปัญหา/สมมติฐาน 
        เมื่อเอาขวดน้ำที่ตัดก้นกดลงไปในแก่นลอนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น

ขั้นตอนการทำกิจกรรม
1.ปิดฝาขวดน้ำที่ตัดก้นแล้วให้สนิท
2.นำขวดน้ำที่ตัดก้นแล้วลงในน้ำ
3.ค่อยๆ กดขวดลงในน้ำ
4.จากนั้นเปิดฝาออก
              
ประเมิน
ประเมินอาจารย์ : วันนี้อาจารย์ได้อธิบายวิธีการทดลอง วิธีการเริ่มสอน วิธีการพูดค่อย ก่อนการทดลอง เปิดโอกาสให้เด็กได้คิดแล้วตอบคำถาม โดยที่เราเป็นคนตั้งประเด็นปัญหา แล้วให้เด็กตั้งสมมติฐานเอง อาจารย์สอนได้สนุกแถมอาจารย์ชอบย้ำเนื้อหาที่เราเรียนผ่านมาเพื่อไม่ให้เราลืม


 

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 6
วัน พุธ ที่  เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2561
เวลา (08:30 - 12:30)

***เนื่องด้วยวันนี้ดิฉันไม้ได้เข้าเรียน จึงได้สรุปความรู้จากSuchunya Boonyabud 



สรุปความรู้ที่ได้

           การนำเสนอ   "กิจกรรมบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย"  ของนักศึกษาทุกคน  โดยอาจารย์ให้คำแนะนำก่อนเริ่มการทำกิจกรรมบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยวิทยาศาสตร์   ดังนี้
         1.ผู้สอนเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลองใส่ภาชนะให้เรียบร้อย   เรียงลำดับวัสดุอุปกรณ์จากชิ้นเล็กไปยังชิ้นใหญ่   ติดป้ายหมายเลขกับภาชนะที่มีการเปรียบเทียบกัน เพื่อให้เด็กได้เห็นอยากชัดเจน  เตรียมแผ่นชารท์ที่อธิบายวิธีการทดลองและรูปภาพของการทดลอง  เพื่อให้เด็กๆเข้าใจในการทดลองมากยิ่งขึ้น
         2.ผู้สอนแนะนำวัสดุอุปกรณ์แต่ชนิดให้ละเอียด  และถามว่า " สิ่งของชิ้นนี้ไปทำอะไรได้บ้าง มีประโยชน์อย่างไร"  ระหว่างการถามเด็กๆผู้สอนต้องให้ความรู้อย่างชัดเจนกับเด็กๆเมื่อเด็กๆเกิดปัญหาสงสัย
        3.ผู้สอนร่วมทำกิจกรรมไปกับเด็กๆ ตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์   สิ่งแรก คือ การตั้งปัญหาสมมติฐานในการทดลองวิทยาศาสตร์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
        4.ผู้สอนให้เด็กๆมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมการทดลองวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน
        5.ผู้สอนสรุปองค์ความรู้ในการทดลองกิจกรรมวิทยาศาสตร์  และอาจจะมีใบกิจกรรมให้เด็กๆวาดภาพในการทดลอง เพื่อเป็นองค์ความรู้กับตัวเด็กเอง

กิจกรรมที่   1    เรื่อง   ปั้มขวดลิปเทียน



สมมติฐาน/ปัญหา
     1.ขวดน้ำที่ร้อนจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับน้ำสี
     2.น้ำสีจะเกิดอะไรขึ้นกับเทียนที่จุดไฟ

ขั้นตอนการทำกิจกรรมการทดลอง
       การทดลองที่   1 เขย่าขวดน้ำที่ร้อนแล้วเทน้ำร้อนออก   เทน้ำสีลงใส่จานที่ 1  จากนั้นคว่ำปากขวดลงบนจาน
       การทดลองที่   2 เทน้ำสีลงบนจานที่ 2  จุดเทียนวางไว้ในจาน   จากนั้นนำแก้วมาครอบ                   ปิดเทียนที่จุดไว้

สรุปผลการทดลอง
       การทดลองที่  1 เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นอากาศก็จะลอยขึ้นไปบนขวด ทำให้น้ำเข้าไปแทนที่
       การทดลองที่ 2  เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นอากาศในแก้วก็สสูงข้ึนตาม น้ำจึงเข้าไปแทนที่ทำให้ไฟดับลง

กิจกรรมทีีี่  2    เรื่อง  เมล็ดถั่วเต้นระบำ



สมมติฐาน/ปัญหา
       1.โซดาที่เทลงไปในแก้วจะเกิดอะไรขึ้นกับถั่ว
       2.น้ำที่เทลงไปในแก้วจะเกิดอะไรขึ้นกับถั่ว

ขั้นตอนการทำกิจกรรมการทดลอง
         แก้วใบที่ 1  ใส่ถั่วลงไปโดยใช้ช้อนตวง จากนั้นเทโซดาลงไปในแก้วด้วย
         แก้วใบที่ 2  ใส่ถั่วลงไปโดยใช้ช้อนตวงให้เท่ากับแก้วใบที่ 1จากนั้นเทน้ำลงไปในแก้วด้วย 

สรุปผลการทดลอง
         ในโซดามีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีน้ำหนักเบากว่าน้ำ จึงทำให้เมล็ดถั่วเกิดการลอยตัว
ขึ้นมาได้

กิจกรรมที่  3   เรื่อง  แรงตึงผิว



สมมติฐาน/
ปัญหา

      1.น้ำในแก้วจะทำอะไรได้บ้าง

ขั้นตอนการทำกิจกรรมการทดลอง
       การทดลองที่  1  เทน้ำใส่ลงไปในแก้วน้ำให้เต็ม จนให้น้ำเกิดการนูนสูงขึ้นมา

       การทดลองที่  2  ใช้หลอดดูดน้ำแล้วไปหยดลงบนฝาขวดน้ำให้เต็ม จนให้น้ำเกิดการนูนสูงขึ้นมา
       การทดลองที่  3  ใช้หลอดดูดน้ำแล้วไปหยดลงบนเหรียญจนให้น้ำเกิดการนูนสูงขึ้นมา

สรุปผลการทดลอง
       น้ำมีแรงตึงผิว จึงทำให้น้ำไม่ล้นออกมาและทำให้สัตว์บางชนิดเดินบนผิวนน้ำได้  เช่น  ยุง แมลงปอ

กิจกรรมที่  4  เรื่อง  แสง


สมมติฐาน/ปัญหา
       1.ถ้านำไฟฉายมาส่องแก้วน้ำจะเกิดอะไรขึ้น

ขั้นตอนการทำกิจกรรมการทดลอง
         วางแก้วใบที่ 1  บนโต๊ะ  จากนั้นใช้ไฟฉายส่อง
         วางแก้วใบที่ 1 และแก้วใบที่  2  ให้มีระยะห่างกันเล็กน้อย จากนั้นใช้ไฟฉายส่อง

สรุปผลการทดลอง
         1.เมื่อส่องไฟฉายไปที่แก้ว แสงจะไปตกกระทบที่แก้วแล้วเกิดแสงขึ้นมา
         2.เมื่อส่องไฟฉายไปที่แก้วใบที่ 1 และแก้วใบที่ 2  พร้อมกัน  แก้วใบที่ 1 จะเกิดแสงใหญ่กว่ากว่าแก้วใบที่ 2 เพราะแก้วใบที่ 1 อยู่ใกล้แสงมากกว่าแก้วใบที่ 2
         
กิจกรรมที่  5   เรื่อง  กระจกเงา



สมมติฐาน/ปัญหา
        1.ถ้าวาดรูปใส่กระดาษแล้วไปส่องกับกระจกจะเกิดอะไรขึ้น

ขั้นตอนการทำกิจกรรมการทดลอง
        1.วาดรูปใส่กระดาษเพียงครึ่งรูป  แล้วนำไปส่องกับกระจก โดยวางกระดาษกับกระจกให้ตั้งฉากกัน
       
สรุปผลการทดลอง

         เกิดการสะท้อนของเงารูปภาพไปอีกฝั่ง จึงทำให้เห็นรูปภาพที่เต็มขนาด

กิจกรรมที่  6  เรื่อง  ไหลแรงหรือไหลค่อย


สมมติฐาน/ปัญหา
        1.เมื่อเจาะรูบนขวดน้ำ น้ำจะไหลออกมาได้เร็วหรือช้า

ขั้นตอนการทำกิจกรรมการทดลอง
        1.นำขวดน้ำ มาเจาะรู 2 รู  คือ รูข้างบนและรูข้างล่าง แล้วน้ำเทปใสมาปิดตรงรู ทั้ง 2 รู จากนั้นเทน้ำใส่ลงไปในขวดน้ำที่เจาะรูให้เต็ม
        2.นำขวดน้ำที่เจาะรู มาวางไว้บนถาด  จากนำเทปใสที่ปิดรูไว้  เปิดออกทั้ง 2 รูป ให้น้ำไหลออกมา

สรุปผลการทดลอง
         รูทีอยู่ด้านล่าง น้ำจะไหลออกมาได้เร็วกว่ารูที่อยู่ข้างบน  เพราะรูข้างล่าง

กิจกรรมที่  7  เรื่อง  ดินน้ำมันสู่ยอดปราสาท

                       

สมมติฐาน/ปัญหา
         1.ดินน้ำมันสามารถนำไปปั้นอะไรได้บ้าง

ขั้นตอนการทำกิจกรรมการทดลอง
         1.ให้เด็กๆปั้นดินน้ำมันเป็นทรงกลมหรือลูกบอล  จากนั้นให้กดดินน้ำมันด้านบนและด้านข้าง เพื่อให้ได้รูปทรงคล้ายกล่องขนาดเล็ก (ทรงสี่เหลี่ยม)  จากนั้นกดทุกด้านให้มี ดินน้ำมันสู่ยอดปราสาท  เท่าๆกัน จะได้รูปทรงลูกเต๋าออกมา (สี่เหี่ยมจัตุรัส) หรือให้เด็กปั้นดินน้ำมันเป็นท่อนยาวๆ
(ทรงกระบอก) โดยคลึงดินน้ำมันกับพื้นเรียบ
         2.หลังจากนั้นปล่อยให้เด็กปั้นเป็นทรงต่างๆตามใจชอบ  ซึ่งครูอาจแนะนำเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้เพิ่มเติม  เช่น  ปั้นเป็นทรงพีระมิด   ทรงกรวย
         3.เมื่อได้ดินน้ำมันเป็นทรงต่างๆให้เด็กใช้เส้นด้ายตัดดินน้ำมันที่ปั้นเอาไว้  จากนั้นให้ครูสอนเด็กในเรื่องหน้าตัดที่เกิดขึ้น ว่าเป็นรูปทรงเรขาคณิตชนิดใด  เช่น  การตัดตั้งฉากดินน้ำมันทรงกลมจะได้หน้าตัดเป็นรูปวงกลม  แล้วถามว่าถ้าตัดดินน้ำมันที่เป็นลูกเต๋า จะได้หน้าตัดเป็นรูปอะไรระหว่างรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือรูปสามเหลี่ยม
         4.นอกจากนี้ครูอาจให้เด็กใช้พู่กันระบายสีหน้าตัดเพื่อใช้เป็นแม่พิมพ์  โดยให้เด็กปั้นเล่นบนกระดาษ
สรุปผลการทดลอง
         1.ได้ทักษะการปั้นและศิลปะในการปั้มสีลงบนกระดาษ

         2.ได้เรียนรู้รูปทรงเรขาคณิต ส่วนประกอบของรูปเรขาคณิต  เช่น  มุม ด้าน  จำนวนหน้าตัดและรูปร่างหน้าตัด  ลักษณะภายนอกของรูปทรงเรขาคณิตเรียกว่าอะไร และ รูปทรงมีส่วนประกอบหลัก คือ  ความกว้าง  ความยาวและความสูง  เรียกว่า  " มิติ "   รูปรทรง 2 มิติ   จะมีความยาวและความกว้าง  ส่วนรูปทรง 3 มิติ จะมีความกว้าง  ความยาวและความสูง

กิจกรรมที่ 8  เรื่อง  ท่วงทำนองตัวเลข



สมมติฐาน/ปัญหา
         1.การนับจำนวนทำได้อย่างไรบ้าง

ขั้นตอนการทำกิจกรรมการทดลอง
         1.ตัดกระดาษเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส พับมุมทั้ง 4 มุมให้เป็นสามเหลี่ยมให้เท่ากันทุกด้าน
         2.พลิกด้านที่เรียบขึ้นมา แล้วพับมุมทั้ง 4 มุมให้เป้นสามเหลี่ยมให้เท่ากันทุกด้านอีก
         3.ใช้สีระบายลงในช่องทั้ง 4 ให้สวยงาม และเขียนตัวเลข 1-4
         4.คลี่กระดาษให้เป็นรูปทรงจัตุรัส  ลองให้เด็กๆเล่น
สรุปผลการทดลอง
        ได้ฝึการนับจำนวนตัวเลขและเรื่องสี 

กิจกรรมที่ 9  เรื่อง พับและตัด



สมมติฐาน/ปัญหา
        1.เมื่อหยดสีลงบนกระดาษแล้วจะเกิดอะไรขึ้น

ขั้นตอนการทำกิจกรรมการทดลอง
        1.พับกระดาษโดยแบ่งครึ่งให้เท่ากัน  หยดสีลงนกระดาษ แล้วปิดกระดาษลงกดทับตรงที่
หยดสีลงไป
        2.หยดสีลงบนจุดกึ่งกลางของกระดาษ  วางเส้นดายทาบลงบนเส้นจุดกึ่งกลางของกระดาษ
 ปิดกระดาษลงกดทับตรงที่หยดสีไว้ ให้ดึงด้ายลงมาตามเข็มนาฬิกา

สรุปผลการทดลอง
        การดึงด้ายทำให้เกิดเป็นรูปภาพต่างๆขึ้นมา

กิจกรรมที่ 10  เรื่อง  แสง  สี และการมองเห็น



สมมติฐาน/ปัญหา
      1. ทำไมแผ่นสีที่มีสีเดียวกันกับรูปภาพถึงมองไม่เห็น

ขั้นตอนการทำกิจกรรมการทดลอง
       1.วาดรูปลงบนแผ่นกระดาษ ใช้สี 3 สี  (แดง เขียว น้ำเงิน)   จากนั้นนำแผ่นใส 3 สี  เรียงต่อกัน 
(แดง เขียว น้ำเงิน) มาวางทาบไว้ข้างบนแผ่นที่วาดรูป

สรุปผลการทดลอง
      กระดาษที่มีสีเดียวกับรูปไม่สามารถมองเห็นได้



ประเมินตนเอง
      วันนี้ตั้งใจนำเสนอกิจกรรมการทดลองของตนเองอย่างตั้งใจ และตั้งใจฟังเพื่อนทำกิจกรรมการทดลอง จดบันทึกข้อมูลที่สำคัญเพื่อนำมาเป็นความรู้

ประเมินเพื่อน
     วันนี้เพื่อนๆนำเสนอกิจกรรมการทดลองวิทยาศาสตร์ได้ทั้งดีและทั้งที่ยังต้องปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นค่ะ

ประเมินอาจารย์
        อาจารย์ให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดชัดเจน เพื่อที่จะนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้นต่อไปค่ะ
         

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 14 วัน ศุกร์ ที่ 30 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 อาจารย์ให้ส่งงาน มายแมพชิ้นสุดท้าย   ...