บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 9
วัน พุธ ที่ 24 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2561
เวลา (08:30 - 12:30)
ความรู้ที่ได้ในวันนี้
พัฒนาการ ความหมาย ความสามารถของเด็กที่ได้แสดงออกเป็นพฤติกรรมของช่วงวัยอายุ
หลักการคิด
1.เรื่องที่ใกล้ตัวเด็ก และเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมของเด็กประสบการณ์สำคัญรอบตัวเด็ก ที่เด็กจะเชื่อมโยงได้
2.เรื่องที่เป็นมันมีผลกระทบ เช่น อาหารดีมีประโยชน์ สุขภาพร่างกาย เรื่องที่เกี่ยวกับรถตู้ จะช่วยเหลือยังไง
สาระ
1.เลือกให้เหมาะสมกับพัฒนาการ เพราะเด็กสามารถทำได้ และเหมาะสม
2.ออกแบบการจัดกิจกรรม
หลักการคิด สอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ เลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง วิธีการเรียนรู้ของเด็กหรือที่เรียกว่า "การเล่น" ความหมายให้ความสำคัญ สำคัญของการทำงานของสมอง
**ขั้นอนุรักษ์ เด็กตอบตามตาเห็น (ของที่จับต้องได้) สิ่งของที่เป็นรูปธรรม
***ผ่านขั้นอนุรักษ์ เด็กตอบด้วยเหตุผล (นามธรรม)
สอนเด็กมี 2 ส่วน
1.เนื้อหา
2.ประสบการณ์ , ศึกษาวิทยาศาสตร์
การใช้คำถาม คือ เทคนิค
**สิ่งที่ครูถามเพื่อต้องการให้เด็กตั้งสมมติฐาน สมมติฐาน คือ การคาดเดา การคาดคะเน ซึ่งเรายังไม่รู้
วิธีการทางวิทยาศาสตร์
ขั้นที่ 1. การสังเกต รวมทั้งการบันทึกข้อมูล
ขั้นที่ 2. การตั้งสมมติฐาน
ขั้นที่ 3. การทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐาน
ขั้นที่ 4. การสรุปผล
วัน พุธ ที่ 24 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2561

รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท., 2546) ประกอบด้วยขั้นตอนที่สำคัญดังนี้
1)ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) เป็นการนำเข้าสู่บทเรียนหรือเรื่องที่สนใจซึ่งเกิดขึ้นจากความสงสัย หรืออาจเริ่มจากความสนใจของตัวนักเรียนเองหรือเกิดจากการอภิปรายภายในกลุ่ม เรื่องที่น่าสนใจอาจมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในช่วงเวลานั้น หรือเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่เพิ่งเรียนรู้มาแล้วเป็นตัวกระตุ้นให้นักเรียนสร้างคำถามกำหนดประเด็นที่ศึกษา ในกรณีที่ไม่มีประเด็นใดที่น่าสนใจครูอาจให้ศึกษาจากสื่อต่างๆหรือเป็นผู้กระตุ้นด้วยการเสนอด้วยประเด็นขึ้นมาก่อน แต่ไม่ควรบังคับให้นักเรียนยอมรับประเด็นหรือคำถามที่ครูกำลังสนใจเป็นเรื่องที่จะใช้ศึกษา
เมื่อมีคำถามที่น่าสนใจ และนักเรียนส่วนใหญ่ยอมรับให้เป็น
ที่ต้องการศึกษา จึงร่วมกันกำหนดขอบเขตและแจกแจงรายละเอียด
ของเรื่องที่จะศึกษาให้มีความชัดเจนมากขึ้น อาจรวมทั้งการรับรู้
ประสบการณ์เดิม หรือความรู้จากแหล่งต่าง ๆ ที่จะช่วยให้นำไปสู่
ความเข้าใจเรื่องหรือประเด็นที่จะศึกษามากขึ้น และมีแนวทางที่ใช้ในการสำรวจตรวจสอบอย่างหลากหลาย
2)ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration) เมื่อทำความเข้าใจในประเด็นหรือคำถามที่สนใจจะศึกษาอย่างถ่องแท้แล้ว ก็มีการวางแผนกำหนดแนวทางสำหรับการตรวจสอบตั้งสมมติฐาน กำหนดทางเลือกที่เป็นไปได้ ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อสนเทศ หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ วิธีการตรวจสอบอาจทำได้หลายวิธี เช่นทำการทดลอง ทำกิจกรรมภาคสนาม การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยสร้างสถานการณ์จำลอง (Simulation) การศึกษาหาข้อมูลจากเอกสารอ้างอิงหรือจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลอย่างเพียงพอที่จะใช้ในขั้นต่อไป
3)ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) เมื่อได้ข้อมูลอย่างเพียงพอจากการสำรวจตรวจสอบแล้ว จึงนำข้อมูลข้อสนเทศที่ได้มิเคราะห์ แปลผล สรุปผลและนำเสนอผลที่ได้ในรูปต่าง ๆ เช่น บรรยายสรุป สร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ หรือรูปวาด สร้างตาราง ฯลฯ การค้นพบในขั้นนี้อาจเป็นไปได้หลายทาง เช่น สนับสนุนสมติฐานที่ตั้งไว้ โต้แย้งกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ หรือไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ได้กำหนดไว้ แต่ผลที่ได้จะอยู่ในรูปใดก็สามารถสร้างความรู้และช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้
4)ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) เป็นการนำความรู้ที่สร้างขึ้นไปเชื่อมโยงกับความรู้เดิมหรือความคิดที่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติมหรือนำแบบจำลองหรือข้อสรุปที่ได้ไปใช้อธิบายสถานการณ์หรือเหตุการณ์อื่น ๆ ถ้าใช้อธิบายเรื่องต่าง ๆ ได้มากก็แสดงว่าข้อจำกัดน้อย ซึ่งจะช่วยให้เชื่อมโยงกับเรื่องต่าง ๆ และทำให้เกิดความรู้กว้างขวางขึ้น
5)ขั้นประเมิน (Evaluation) เป็นการประเมินการเรียนรู้ด้วยกระบวนการต่าง ๆ ว่านักเรียนมีความรู้อะไรบ้าง อย่างไร และมากน้อยเพียงใด จากขั้นนี้จะนำไปสู่การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในเรื่องอื่น ๆการนำความรู้หรือแบบจำลองไปใช้อธิบายหรือประยุกต์ใช้กับเหตุการณ์หรือเรื่องอื่น ๆ จะนำไปสู่ข้อโต้แย้งหรือข้อจำกัดซึ่งจะก่อให้เกิดประเด็นหรือคำถาม หรือปัญหาที่จะต้องสำรวจตรวจสอบต่อไป ทำให้เกิดเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ จึงเรียกว่า Inquiry cycle กระบวนการสืบเสาะหาความรู้จึงช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ทั้งเนื้อหาหลักและหลักการ ทฤษฎี ตลอดจนลงมือปฏิบัติ เพื่อให้ได้ความรู้ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการเรียนต่อไป
ต่อไปเป็นนำเสนอคลิปวิดิโอที่เพื่อนไปอัดมานำเสนอโดยนำเนื้อหามาจาก บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย

คนแรก คือดิฉัน นำเสนอ ชื่อกิจกรรมว่า "ลูกข่างหลากสี" ปัญหา/สมมติฐาน
1.ถ้าเราหมุนลูกข่างแล้วจะเกิดสีอะไรขึ้นได้บ้าง
ขั้นตอนการทำกิจกรรม
1.นำกระดาษที่ออกแบบติดซีดี
2.ตกแต่งระบายสีบนแผ่นวงกลมให้สวยงามตามจินตนาการ
3.ทดลองเล่น และให้เด็กๆสังเกตสีที่อยู่บนแผ่นวงกลมว่าเห็นสีอะไรบ้าง
สรุปผลการทดลอง
ตาของเรามองเห็นสีต่างๆ เนื่องจากเซลล์รับสีในตาของเราที่ไหวต่อแสง สี 3 สีหลัก ได้แก่ แดง น้ำเงิน และเขียว เมื่อถูกกระตุ้น ถ้ามีหลากหลายสีเคลื่อนไหว และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตาของเราจะไม่สามารถแยกสีต่างๆได้ทัน จึงเห็นสีต่างๆ ผสมสีต่างๆ ผสมเป็นสีเดียว

เรื่อง ปริมาณน้ำในแก้วเท่ากันหรือไม่

เรื่อง เรื่อแรงลม

เรื่อง เครื่องชั่งน้ำหนักจากไม้แขวนเสื้อ
ประเมิน
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์อาจารย์จะคอยสอดแทรกเนื้อหาเข้าไปให้ครบ อาจารย์จะไม่ปล่อย อาจารย์จะไม่นิ่งเฉย ถ้าอันไหนเราทำดีแล้วอาจารย์ก็ชื่นชม แล้วอาจารย์จะย้ำเสมอเรื่องการสอน สอนแบบไหน เริ่มอย่างไรให้ถูกวิธี
